มอเตอร์ไซต์จอมลุย มาใหม่ กับ 2015 KTM 250 SX-F

ถ้าจะบอกว่า KTM กับมอเตอร์ไซค์วิบาก  คงจะพอรู้จักและคุ้นหูกันบ้าง เพราะถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ไบค์เกอร์ขาลุยให้ความสนใจและใส่มันเข้าไปอยู่ในตัวเลือกไม่น้อย กับรถสไตล์เอ็นดูโร่ขนาดกลางในรหัสบล็อคเครื่องยนต์ SX ของค่าย KTM

มีอะไรใหม่ในตัวของเจ้า 2015 KTM 250 SX-F คันนี้บ้างแน่นอนว่าทางค่ายต้นสังกัดเองได้เปลี่ยนระบบการใช้งานแบบหัวฉีดมาใช้ของ Keihin และระบบวาล์ว หรือแม้กระทั่งตัวฝาสูบเองก็ใหม่ทั้งหมด เพราะต้องการให้ได้ซึ่งประสิทธิภาพการเผาไหม้ที่ดีขึ้นนั่นเอง โดยเจ้าบล็อกตัวนี้ยังมาพร้อมกับระบบเกียร์แบบ 5 สปีด  ที่ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์แบบเปียกมิลติดิสก์ CSS ชนิด Brembo hydraulics ส่วนระบบเบรกนั้นเป็นแบบ Disc brakes, brake calipers on floating bearings ทั้งสองล้อ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหยุดรถ และอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะพูดถึง ก็คือในเรื่องของการออกแบบและดีไซน์ รวมไปถึงการจัดสมดุลจุดศูนย์ถ่วงต่างๆ น้ำหนักของตัวรถเอง ก็รวมอยู่ด้วย ด้วยน้ำหนักตัวที่มีเพียง 102 กิโลกรัมและวัสดุที่เลือกใช้ในการผลิตและประกอบเป็นตัวรถนั้น ทำให้มันมีความแข็งแกร่ง ทนทาน พร้อมจะลุยไปได้ทุกที่ตามแบบฉบับของรถสไตล์เอ็นดูโร่วิบาก

มาดูกันในเรื่องของบล็อกเครื่องยนต์และขุมกำลังกันบ้าง เจ้า 2015 KTM 250 SX-F มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 249.91 ซีซี 1 สูบ 4 จังหวะ แบบ spark-ignition ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีระบบหัวฉีดแบบ Contactless มีระบบหล่อเย็นแบบ Liquid cooling system โดยมีระบบสตาร์ทรถเป็นระบบไฟฟ้า โดยสตาร์ทด้วยมือ  เจ้า 2015 KTM 250 SX-F  มีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 7.5 ลิตร ในส่วนของระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นโช้คกันสะเทือนแบบ Upside Down ขนาด 48 มม. ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบ โมโนโช๊ค มาพร้อมกับระบบเบรกแบบมาตรฐานที่ให้คุณมั่นใจได้ ระบบเบรกด้านหน้าและด้านหลังเป็นแบบดิสก์เบรก หน้าเป็นแบบดิสก์เบรก (ขนาด 260 มม.), ด้านหลังเป็นแบบดิสก์เบรก (ขนาด 220 มม.)

KTM 250 SX-F เฟรมนั้นเป็นแบบ Central tube frame ด้วยวัสดุอย่าง chrome molybdenum steel tubing ที่ให้ความแข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบา โดยมีระบบกันสะเทือนแบบ WP Suspension 5018 BAVP DCC ช่วยเสริมการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมีหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดค่าเป็นแบ ดิจิตอลแถวเดียว ส่วนเบาะนั่งนั้นเป็นแบบชิ้นเดียวสองที่นั่งไม่ต่างระดับ

และสำหรับราคาค่าตัวที่ทางค่ายได้ตั้งเอาไว้ เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่ามันคือแบรนด์ที่ต้องการเจาะตลาดลูกค้าระดับบนเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้มันมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้าเทียบกับชื่อเสียงและความมีระดับ ก็ถือว่ามันพอจะสมน้ำสมเนื้อกันไป ซึ่งสำหรับราคาจะอยู่ที่ราวๆ 372,000 – 399,000 บาท ก็คงต้องพิจารณากันไปพร้อมกับความชอบส่วนตัวของแต่ละบุคคล…